Menu
Categories

วิธีดูแลตู้แช่เย็นขนาดใหญ่ ให้ใช้งานได้ยาวนาน ประหยัดไฟ และไม่พังง่าย

เคล็ดลับดูแลตู้แช่เย็น

ตู้แช่เย็น ถือเป็นหัวใจสำคัญในหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านชานม คาเฟ่ หรือร้านขายของสด ตู้แช่ที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 คิวมักต้องทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน หากดูแลรักษาไม่ถูกต้อง อาจทำให้เครื่องทำงานผิดปกติ แช่ไม่เย็น เสียของ เสียเงิน และที่สำคัญคือเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น

การดูแลตู้แช่ให้ดีไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก แค่ทำตาม 10 ข้อแนะนำต่อไปนี้อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถยืดอายุการใช้งานให้ตู้แช่ได้มากกว่า 10 ปีเลยทีเดียว


1. ทำความสะอาดคอยล์ร้อน (Condenser Coil) ทุก 3–6 เดือน

คอยล์ร้อนเป็นส่วนสำคัญในการระบายความร้อนออกจากตู้ ซึ่งมักอยู่ด้านหลังหรือใต้ตู้แช่ หากปล่อยให้ฝุ่นและคราบเกาะสะสมมากเกินไป จะทำให้เครื่องทำงานหนักและกินไฟเพิ่มขึ้นหลายเท่า

วิธีดูแล:
– ปิดปลั๊กก่อนทุกครั้ง
– ใช้แปรงขนนุ่มหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
– หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือของเหลวโดยตรง เพราะอาจทำให้ระบบไฟฟ้าชำรุด


2. ตรวจสอบยางขอบประตู (Gasket) อยู่เสมอ

ยางขอบประตูเป็นจุดเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่มันมีบทบาทใหญ่ในการรักษาอุณหภูมิในตู้ หากยางเสื่อม รั่ว หรือฉีกขาด ลมเย็นจะรั่วออก ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักโดยไม่จำเป็น

ทดสอบง่ายๆ:
– ใช้กระดาษแผ่นบางหนีบไว้แล้วลองดึงออก ถ้าหลุดง่าย = ยางเสื่อม
– หากพบว่าขอบยางแข็งกรอบ มีรอยรั่ว หรือยุบ ควรเปลี่ยนทันที


3. หมั่นละลายน้ำแข็ง (Defrost)

ตู้แช่ที่ไม่มีระบบ Auto Defrost มักเกิดการสะสมของน้ำแข็งตามขอบภายในตู้ และอาจไปอุดทางลมเย็น ทำให้แช่ไม่ทั่วถึง และกินไฟเพิ่ม

แนะนำ:
– ละลายน้ำแข็งอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
– เมื่อเริ่มเห็นน้ำแข็งเกาะหนา 3 มม. ขึ้นไป ควรหยุดใช้ชั่วคราวและปล่อยให้น้ำแข็งละลาย


4. อย่าวางของแน่นจนเกินไป

ตู้แช่ทำงานได้ดีเมื่อมีช่องว่างให้อากาศไหลเวียน หากวางของแน่นเกินไปโดยเฉพาะในตู้โชว์ จะทำให้ลมเย็นไม่สามารถกระจายทั่วตู้ได้ ส่งผลให้บางจุดเย็นน้อย หรือไม่เย็นเลย

ข้อควรทำ:
– เว้นช่องว่างระหว่างชั้นวาง 3–5 ซม.
– อย่าบังช่องลมเย็นด้านในเด็ดขาด


5. วางตู้ในที่ระบายอากาศได้ดี

ความร้อนจากตู้ต้องถูกระบายออกอย่างมีประสิทธิภาพ หากวางชิดผนัง หรือวางในที่อับ จะทำให้เครื่องทำงานหนักและเสื่อมเร็ว

ข้อแนะนำ:
– เว้นพื้นที่ด้านหลังอย่างน้อย 15 ซม.
– อย่าวางใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาแก๊ส หรือแดดส่องตรง


6. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสินค้า

การตั้งอุณหภูมิผิดประเภทจะทำให้ทั้งเปลืองไฟและไม่เหมาะกับสินค้าที่แช่

อุณหภูมิที่แนะนำ:
– แช่ของสด เช่น ผัก เนื้อสด: 0–4°C
– แช่ของแข็ง เช่น ไอศกรีม เนื้อแช่แข็ง: -18 ถึง -25°C

หากจำเป็นต้องแช่หลากหลายประเภทในเครื่องเดียว อาจพิจารณาใช้ตู้แช่ที่มีระบบแยกโซนความเย็น หรือเลือกเครื่องรุ่นใหม่ที่ประหยัดไฟได้ดีกว่า


7. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและสายไฟ

สายไฟชำรุด ปลั๊กหลวม หรือโหลดไฟไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดความร้อนหรือไฟไหม้ได้ จึงควรตรวจสอบจุดนี้เป็นระยะ

คำแนะนำ:
– อย่าใช้ปลั๊กร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหนักอื่น
– หากพบสายไฟร้อนผิดปกติหรือชำรุด ควรเรียกช่างไฟฟ้าโดยด่วน


8. ใช้งานอย่างต่อเนื่อง อย่าเปิด–ปิดปลั๊กบ่อย

การถอดปลั๊กบ่อยครั้งโดยเฉพาะหลังเพิ่งใช้งานอาจทำให้แรงดันในระบบยังไม่สมดุล และก่อให้เกิดความเสียหายกับคอมเพรสเซอร์ในระยะยาว

ข้อควรทำ:
– หากต้องปิด ควรรออย่างน้อย 5–10 นาที ก่อนเสียบใหม่
– ไม่ควรปิดปลั๊กเพื่อ “ประหยัดไฟ” แบบผิดวิธี


9. บันทึกการบำรุงรักษาเป็นประจำ

การจดบันทึกจะช่วยให้ทราบแนวโน้มปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น มีเสียงผิดปกติ ความเย็นลดลง หรือคอมเพรสเซอร์ทำงานนานผิดปกติ

ข้อดี:
– ใช้แจ้งช่างซ่อมได้เร็ว
– ช่วยประเมินได้ว่าควรซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่เมื่อไหร่


10. เลือกตู้แช่คุณภาพสูงตั้งแต่แรก

ตู้แช่ที่ดีคือการลงทุนระยะยาว เพราะช่วยประหยัดไฟ ประหยัดค่าอะไหล่ และลดโอกาสเสียในช่วงเวลาขายของ

แนะนำ:
– เลือกตู้ที่มีฉลากเบอร์ 5
– ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีศูนย์บริการหลังการขาย
– เลือกรุ่นที่ใช้คอมเพรสเซอร์ประหยัดพลังงาน และน้ำยา R290 หรือ R600a


เราขอแนะนำตู้แช่คุณภาพราคาโรงงานของคนไทยจาก Kingcool ที่เน้นในเรื่องสินค้าคุณภาพ การประหยัดไฟ ราคาคนไทย มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย ตู้แช่เย็น เพื่อคนไทย ต้อง Kingcool กับที่นี่ เว็บไซต์ของเรา Tuchill ตัวแทนจำหน่าย จัดส่งสินค้าจากโรงงาน